วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556
อาหารหลัก 5 หมู่ประกอบด้วย ภาพอาหารหลัก 5 หมู่ อาหารหลัก 5 s j
อาหาร คือ สิ่งที่มีประโยชน์เมื่อร่างกายกินเข้าไปก็สามารถย่อย ดูดซึม และนำไปใช้ประโยชน์ได้ดังนั้นในวันหนึ่ง ๆ เราควรกิน อาหารให้ครบ 5 หมู่ ได้แก่
หมู่ที่ 1 เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว
หมู่ที่ 2 ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน
หมู่ที่ 3 ผักใบเขียวต่าง ๆ
หมู่ที่ 4 ผลไม้ต่าง ๆ
หมู่ที่ 5 ไขมันและน้ำมัน
อาหารหมู่ที่ 1 เนื้อ นม ไข่ และถั่วต่าง ๆ
อาหารหมู่ที่ 1 เนื้อสัตว์ ไข่ นม และถั่วต่าง ๆ อาหารหมู่นี้ส่วนใหญ่จะให้โปรตีน ประโยชน์ที่สำคัญคือ ทำให้ร่างกายเจริญเติบโต ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานโรค นอกจากนี้ยังช่วยซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่สึกหรอจากบาดแผล อุบัติเหตุ หรือจากการเจ็บป่วย
อาหารหมู่นี้จะถูกนำไปสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ เลือด เม็ดเลือด ผิงหนัง น้ำย่อย ฮอร์โมน ลอดจนภูมิต้านทานเชื้อโรคต่าง ๆ จึงถือได้ว่าอาหารหมูนี้เป็นอาหารหลักที่สำคัญในการสร้างโครงสร้างของร่างกายในการเจริญเติบโต และทำให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ
อาหารในหมู่นี้ ได้แก่ นม ไข่ เนื้อ หมู วัว ตับ ปลา ไก่ และถั่วต่าง ๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว หรือผลิภัณฑ์จากถั่ว เช่น นมถั่วเหลือง เต้าหู้ เป็นต้น
หมู่ที่ 2 ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน
หมู่ที่ 2 ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน จะให้สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ซึ่งจะให้พลังงานแก่ร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถทำงานได้ และยังให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายอีกด้วย พลังงานที่ได้จากหมู่นี้ส่วนใหญ่จะใช้ให้หมดไปวันต่อวัน เช่น ใช้ในการเดิน ทำงาน การออกกำลังกายต่าง ๆ แต่ถ้ากินอาหารหมู่นี้มากจนเกินความต้องการของร่างกาย ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน และทำให้เกิดโรคอ้วนได้
หมู่ที่ 2 ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน จะให้สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ซึ่งจะให้พลังงานแก่ร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถทำงานได้ และยังให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายอีกด้วย พลังงานที่ได้จากหมู่นี้ส่วนใหญ่จะใช้ให้หมดไปวันต่อวัน เช่น ใช้ในการเดิน ทำงาน การออกกำลังกายต่าง ๆ แต่ถ้ากินอาหารหมู่นี้มากจนเกินความต้องการของร่างกาย ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน และทำให้เกิดโรคอ้วนได้
อาหารที่สำคัญของหมู่นี้ ได้แก่ ข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากแป้ง เช่น ก๋วยเตี๋ยวรวมทั้งเผือก มันต่าง ๆ น้ำตาลที่ทำมาจากอ้อยและมาจากน้ำตาลมะพร้าว
อาหารหมู่ที่ 3 ผักต่าง ๆ
หมู่ที่ 3 อาหารหมู่นี้จะให้วิตามินและเกลือแร่แก่ร่างกาย ช่วยเสริมสร้างทำให้ร่างกายแข็งแรง มีแรงต้านทานเชื้อโรค และช่วยให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ
อาหารที่สำคัญของหมู่นี้ คือ ผักต่าง ๆ เช่น ตำลึง ผักบุ้ง ผักกาดและผักใบเขียวอื่น ๆ นอกจากนั้นยังรวมถึงพืชผักอื่น ๆ เช่น มะเขือ ฟักทอง ถั่วฝักยาว เป็นต้น
นอกจากนั้นอาหารหมู่นี้จะมีกากอาหารที่ถูกขับถ่ายออกมาเป็นอุจจาระทำให้ลำไส้ทำงานเป็นปกติ
อาหารหมู่ที่ 4 ผลไม้ต่าง ๆ
อาหารหมู่ที่ 4 ผลไม้ต่าง ๆ จะให้วิตามินและเกลือแร่ ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง มีแรงต้านทานโรค และมีกากอาหารช่วยทำให้การขับถ่ายของลำไส้เป็นปกติ
อาหารที่สำคํญ ได้แก่ ผลไม้ต่าง ๆ เช่น กล้วย มะละกอ ส้ม มังคุด ลำไย เป็นต้น
หมู่ที่ 5 ไขมันและน้ำมัน
หมู่ที่ 5 ไขมันและน้ำมัน จะให้สารอาหารประเภทไขมันมาก จะให้พลังงานแก่ร่างกาย ทำให้ร่างกายเจริญเติบโต ร่างกายจะสะสมพลังงานที่ได้จากหมู่นี้ไว้ใต้ผิวหนังตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น บริเวณสะโพก ต้นขา เป็นต้น ไขมันที่สะสมไว้เหล่านี้จะให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และให้พลังงานที่สะสมไว้ใช้ในเวลาที่จำเป็นระยะยาว
อาหารที่สำคัญ ได้แก่ ไขมันจากสัตว์ เช่น น้ำมันหมู ไขมันที่ได้จากพืช เข่น กะทิมะพร้าว น้ำมันรำ น้ำนมถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม เป็นต้น นอกจากนั้นจะมีไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ด้วย
ข้อมูล : poongkang.exteen.com
ภาวะปรสิต
![]()
หมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีต 2 ชนิด โดยชนิตหนึ่งเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ เรียก ผู้อาศัยหรือปรสิต อีกชนิดหนึ่งเป็นฝ่ายเสียประโยชน์ เรียกผู้ถูกอาศัย โดยทั่วไปความสัมพันธ์แบบนี้จะเกิดขึ้นในลัาษณะที่สิ่งมีชีวิตท่เป็นปรสิตเกาะอาศัยอยู่ภายนอกร่างการยหรือภายในร่างการของผู้ถูกอาศัยโดยอาศัยอาหารต่าง ๆ จากผู้ถูกอาศัย
1.ปริสิตภายใน คือปรสิตท่อาศัย และเกาะกินอยู่ภายในร่างกายของผู้ถูกอาศัย เช่น พยาธิตัวตืด พยาธิใบไม้ตับ รวมถึงพวกจุลินทรีย์ท่เป็นปรสิตภายใน เช่น ไวรัส แบคทีเรีย โดยเฉพาะไวรัสจะมีคุณสมบัติสำคัญของการเป็นสิ่งมีชีวต คือสืบพันธุ์ได้ก็ต่อเมื่อเป็นปรสิตอยู่ภายในเซลลของผู้ถูกอาศัยเท่านั้น
2.ปรสิตภายนอก คือปรสิตที่อาศัยและเกาะกินอยู่ภายนอกร่างกายของผู้ถูกอาศัย เช่นเหา หมัด ไรไก่ซึ่งเป็นปรสิตของสัตว์ เพลี้ยหอย เพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง และเพลี้ยจักจั่น ซึ่งดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชจึงเป็นปรสิตของพืช ต้นฝอยทองเป็นพืชปรสิตท่มีลักษณะเป็นเส้นสีเหลืองคล้ายฝอยทองไม่มีส่วนสีเขียว จึงสังเคราะห์แสงไม่ได้ ฝอยทองจะใช้อวัยวะสำหรับดูดซึมอาหาร แทงทะลุเข้าไปในเนื้อเยื่อพืชอื่นที่เป็นผู้ถูกอาศัย ส่วนกาฝากเป็นพืชปรสิตท่มีใบสีเขียวได้รับสารอาหารและน้ำจากพืชผู้ถูกอาศัยและสังเคราะห์แสงได้
ลักษณะทั่วไปของการดำรงชีพแบบภาวะปรสิต
1.โดยปกติทั้งปรสิตและผู้ถูกอาศัยมักปรับตัวให้อยู่รอดทั้งสองฝ่าย โดยปรสิตไม่ทะอันตรายผ๔ถูกอาศัยให้ตายอย่างรวดเร็ว แต่จะเบียดเบียนช้า ๆจนผู้ถูกอาศัยอ่อนแอและอาจเกิดโรคแทรกซ้อน ดังนั้นจึงไม่เป็นผลดีต่อผู้ถูกอาศัยอย่างไร
2.ปรสิตส่วนใหญ่มักจะเบียดเบียนเอาสารอาหารจากผู้ถูกอาศัย เช่น ปรสิตของสัตว์จะได้อาหารจากผู้ถูฏอาศัย 3 กรณี
2.1อาหารที่ผู้ถูฏอาศัยกินก่อนและหลังจากย่อยแล้ว
2.2เนื้อเยื้อของผู้ถูกอาศัย โดยกินส่วนท่อยู่ภายในเซลล์ หรือปล่อยน้ำย่อยออกไปยังสิ่งต่าง ๆ ภายในเซลล์
2.3สารบางชนิดที่ผู้ถูกอาศัยปล่อยออกม่นอกจากเบียดเบียนสารอาหารแล้ว ปรสิตยังอาศัยร่างการของผู้ถูกอาศัยเป็นแหล่งที่อยู่ชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
3.ปรสิตแต่ละชนิด มักจะมีความจำกับผู้ถูกอาศัยแต่ละชนิด เช่น เหาคนจะไม่อาศัยบนตัวของเป็ดไม่ ซึ่งเรียกลักษณะความจำเพาะเช่นนี้ว่า Parasitic - Host specificity ปรสิตบางชนิดก็ไม่เลือกชนิดของผู้ ถูกอาศัย แต่อาจชอบผู้ถูกอาศัยชนิดหนึ่งมากกว่าอีกชนิดหนึ่ง
4.โดยทัวไป แรสิตมักมีขนาดเล็กกว่าผู้ถูกอาศัย
5.ไนพรรมชาติเรามักจะเห็นผลเสียอันกิดจากปรสิตไม่เด่นชัด เพราะปรสิตแต่ละชนิดจะทำให้ผู้ถูกอาศัยได้รับอันตรายไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน นอกจากนี้ในระยะเวลาต่างกันอาจส่งผลเสียต่อผู้ถูกอาศัยได้ เพราะในบางกรณีผู้ถูกอาศัยอาจสร้างภูมิคุ้มกันซั่งเป็นอันตรายต่อปรสิตได้เช่นกัน
6.การพัฒนาวงชีวิตของปรสิตให้สมบูรณ์ต้องพึ่งพาผู้ถูกอาศัยอย่างมาก ถ้าขาดผู้ถูกอาศัยอาจจะทำให้การพัฒนาวงขีวิตของปรสิตไม่สมบูรณ์ เช่น พยาธิตัวตืดในคน ต้องอาศัยผู้ถูกอาศัยอย่างน้อย 2 ชนิด คือ คนและวัว ถ้าขาดวัว วงชีวิตของพยาธิตัวตืดไม่สามารถพัฒนาให้สมบูรณ์เป็นตัวเต็มวัยได้ หรือกรณีของยุง ถ้าขาดเสือดของสัตว์เลือดอุ่น มันจะไม่สามารถพัฒนาตัวอ่อนในไข่ได้ คือ ไม่มีการฟักไข่ใข่จะฝ่อรีบไป
|

สร้างโดย:
นางสาวณัฐพร สภานนท์ และอาจารย์ธนพล กลิ่นเมือง
หมายถึง ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในเรื่องของการกินต่อกันเป็นทอด ๆ จาก ผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค ทำให้มีการถ่ายทอดพลังงานในอาหารต่อเนื่องเป็นลำดับจากการกินต่อกัน
ตัวอย่าง เช่น 
จากแผนภาพ จะสังเกตเห็นว่า การกินต่อกันเป็นทอด ๆ ในห่วงโซ่อาหารนี้ เริ่มต้นที่ ต้นข้าว ตามด้วยตั๊กแตนมากินใบของต้นข้าว กบมากินตั๊กแตน และ เหยี่ยวมากินกบ ซึ่งจากลำดับขั้นในการกินต่อกันนี้ สามารถอธิบายได้ว่า

ต้นข้าว นับเป็นผู้ผลิตในห่วงโซ่อาหารนี้ เนื่องจากต้นข้าว เป็นพืชซึ่งสามารถสร้างอาหารได้เองโดยใช้กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง

ตั๊กแตน นับเป็นผู้บริโภคลำดับที่ 1 เนื่องจาก ตั๊กแตนเป็นสัตว์ลำดับแรกที่บริโภคข้าวซึ่งเป็นผู้ผลิต

กบ นับเป็นผู้บริโภคลำดับที่ 2 เนื่องจาก กบจับตั๊กแตนกินเป็นอาหาร หลังจากที่ตั๊กแตนกินต้นข้าวไปแล้ว

เหยี่ยว เป็นผู้บริโภคลำดับสุดท้าย เนื่องจาก เหยี่ยวจับกบกินเป็นอาหาร และในโซ่อาหารนี้ไม่มีสัตว์อื่นมาจับเหยี่ยวกินอีกทอดหนึ่ง
หมายถึง ห่วงโซ่อาหารหลาย ๆ ห่วงโซ่ ที่มีความคาบเกี่ยวหรือสัมพันธ์กัน นั่นคือ ในธรรมชาติการกินต่อกันเป็นทอด ๆ ในโซ่อาหาร จะมีความซับซ้อนกันมากขึ้น คือ มีการกินกันอย่างไม่เป็นระเบียบ
ตัวอย่าง เช่น 

โดย ครูสุภาภรณ์ ชูศรีพัฒน์
ระบบนิเวศ
(ECOSYSTEM)
1. ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem)
ระบบนิเวศเป็นหน่วยที่สำคัญที่สุดในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม เพราะประกอบไปด้วยสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด มีการแลกเปลี่ยนสสาร แร่ธาตุ และพลังงานกับสิ่งแวดล้อม โดยผ่านห่วงโซ่อาหาร (food chain) มีลำดับของการกินเป็นทอด ๆ ทำให้สสารและแร่ธาตุมีการหมุนเวียนไปใช้ในระบบจนเกิดเป็นวัฏจักร ทำให้มีการถ่ายทอดพลังงานไปตามลำดับขั้นเป็นช่วง ๆในห่วงโซ่อาหารได้ การจำแนกองค์ประกอบของระบบนิเวศ ส่วนใหญ่จะจำแนกได้เป็นสององค์ประกอบใหญ่ ๆ คือ องค์ประกอบที่มีชีวิตและองค์ประกอบที่ไม่มีชีวิต
ภาพที่ 9. 1 แบบจำลองระบบนิเวศขนาดเล็กแสดงให้เห็นถึงกระบวนการสำคัญ: การไหลของพลังงาน (energy) และ การหมุนเวียนสารเคมี (chemical cycling)
2. องค์ประกอบของระบบนิเวศ
การจำแนกองค์ประกอบของระบบนิเวศแยกตามหน้าที่ในระบบ ได้แก่พวกที่สร้างอาหารได้เอง (autotroph) และสิ่งมีชีวิตได้รับอาหารจากสิ่งมีชีวิตอื่น (heterotroph) อย่างไรก็ตามการจำแนกองค์ประกอบของระบบนิเวศโดยทั่วไปมักประกอบไปด้วยองค์ประกอบที่มีชีวิต (biotic) และองค์ประกอบที่ไม่มีชีวิต (abiotic)
2.1 องค์ประกอบที่มีชีวิต (biotic component) ได้แก่
2.1.1 ผู้ผลิต (producer or autotrophic) ได้แก่สิ่งมีชีวิตที่สร้างอาหารเองได้ จากสารอนินทรีย์ส่วนมากจะเป็นพืชที่มีคลอโรฟิลล์
2.1.2 ผู้บริโภค (consumer) ได้แก่สิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถสร้างอาหารเองได้ (heterotroph) ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ที่กินสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นอาหาร เนื่องจากสัตว์เหล่านี้มีขนาดใหญ่จึงเรียกว่า แมโครคอนซูมเมอร์ (macroconsumer)
2.1.3 ผู้ย่อยสลายซาก (decomposer, saprotroph, osmotroph หรือ microconsumer) ได้แก่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่สร้างอาหารเองไม่ได้ เช่น แบคทีเรีย เห็ด รา (fungi) และแอกทีโนมัยซีท (actinomycete) ทำหน้าที่ย่อยสลายซากสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้วในรูปของสารประกอบโมเลกุลใหญ่ให้กลายเป็นสารประกอบโมเลกุลเล็กในรูปของสารอาหาร (nutrients) เพื่อให้ผู้ผลิตนำไปใช้ได้ใหม่อีก
สาขาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)











